วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555
หนังสือทวงถามความคืบหน้า ถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ตามที่คณะกรรมการ เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555 เพื่อให้ สกอ. เป็นเจ้าภาพในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทุกกลุ่ม สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลางและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือตัวแทนนั้น ความคืบหน้าขณะนี้วันที่ 24 เมษายน 2555 เลขา สกอ. เกษียณหนังสือมอบ รองเลขาธิการ นพ.กำจร ทำหนังสือถึงที่ประชุมธิการบดีทุกกลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อขอทราบสภาวะจริงเกี่ยวกับ เงินเดือนและสวัสดิการ ของพนักงานมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และให้ส่งข้อมูลนี้กลับถึง สกอ. ภายใน 30 วันเพื่อที่จะได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันที่ สกอ. แกนนำปรึกษาหารือกันแล้วเราจะให้เวลา สกอ. อีกครั้งหนึ่งเป็น เวลา 30 วัน และใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการจัดประชุมชี้แจงตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างไรก็ดี เมื่อได้เลขหนังสือที่ออกจาก สกอ. ไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ตัวแทนเครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัยจะต้องช่วยไปตามเรื่องเองนะครับ เพื่อให้เรื่องกลับมายัง สกอ. โดยเร็ว งานนี้ต้องช่วยกันนะครับ // ระวี
facebook เครือข่ายฯ ของสถาบันต่างๆ
- คณะกรรมการผู้ประสานงานเครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย (ศูนย์กลาง)
- เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา (ศูนย์กลาง สำรอง)
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยแม่โจ้
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย จุฬาฯ
- เครือข่ายพนักงาน มศว
- พนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- ชมรมพนักงานมหาวิทยาลัยขอนแก่น
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- พนักงานมหาวิทยาลัยBSRU (ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา)
- พนักงานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- พนักงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- เครือข่ายพนักงาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี
- พนักงานมหาวิทยาลัย มรภ.จันทรเกษม
- พนักงานมหาวิทยาลัย ม.รภ.สร. (ราชภัฏสุรินทร์)
- ชมรมพนักงานมหาวิทยาลัยศิลปากร
- พนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
- พนักงานมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- พนักงานมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- พนักงานมหาวิทยาลัยและลูกจ้างตัวเล็กของ มรพส. (ราชภัฎพิบูลสงคราม)
- พนักงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ชมรมพนักงานมหาวิทยาลัย มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร
- พนักงานมหาวิทยาลัย มรภ.จันทรเกษม
- พนักงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 32
- UTK พนักงานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
- พนักงานมหาวิทยาลัย ม.รภ.เทพสตรี
- พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา วิทยาเขตจันทบุรี
- พนักงาน มทร.อีสาน วข.ขอนแก่น
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
- เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
- เครือข่ายพนักงาน ม.เชียงใหม่
- เครือข่ายพนักงาน มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย
- พนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
- รวมคลิปวีดีโอ
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555
ขอเชิญร่วมระดมสมทบกองทุนเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
- บัญชีเครือข่ายฯ โดยมีเหรัญญิก 3 ท่าน คือ
- อ.วิศรุต เพชรจำรัส
- ผศ.ไพบูลย์ บุบผา
- อ.ปรีชา สังเกตชน
- แสดงบัญชี
- รายนามผู้สมทบทุน
- ... 500 บาท
- ... 1000 บาท
- ดร.เฟื่องอรุณ 1000 บาท
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555
ความเคลื่อนไหวการปรับฐานเงินเดือนตามมติ ครม. 15,000 บาท
การปรับฐานเงินเดือนตาม ประกาศ กพ. เรื่อง ฐานเงินเดือนใหม่ 1 มกราคม 2555
1. มทร.สุวรณณภูมิ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ มกราคม 2555 โดยใช้ตัวคูณ สายวิชาการ ป.โท 1.4 ป.เอก 1.6 สายสนับสนุน ทุกระดับ 1.2
2. ม.เกษตรศาสตร์ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ ตุลาคม 2553 และ เมษายน 2554 โดยใช้ตัวคูณ 1.5 ทุกระดับ ทุกสายงาน และตกเบิกย้อนหลังอีกด้วย
1. มทร.สุวรณณภูมิ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ มกราคม 2555 โดยใช้ตัวคูณ สายวิชาการ ป.โท 1.4 ป.เอก 1.6 สายสนับสนุน ทุกระดับ 1.2
2. ม.เกษตรศาสตร์ ปรับฐานเงินเดือนใหม่ ตุลาคม 2553 และ เมษายน 2554 โดยใช้ตัวคูณ 1.5 ทุกระดับ ทุกสายงาน และตกเบิกย้อนหลังอีกด้วย
วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555
แผนงานและกำหนดการประจำปี 2555
4 กุมภาพันธ์ 2555
ประชุมเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ 1 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จ.นครปฐม
28 กุมภาพันธ์ 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช) เรื่อง ขอให้พิจารณาเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ผ่านระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวง
12 มีนาคม 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เรื่อง สถานะภาพของพนักงานมหาวิทยาลัย ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
30 มีนาคม 2555
ตัวแทนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา 3 ท่าน ให้สัมภาษณ์นักข่าวไทยพีบีเอส ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จ.กรุงเทพฯ
31 มีนาคม 2555
เสวนาวิชาการ เรื่อง เหลี่ยวหลัง แลหน้า 13ปี พนักงานใสถาบันอุดมศึกษาไทย ณ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จ.กรุงเทพฯ
12 เมษายน 2555
ร่วมออกรายการสถานีประชาชน กรณีเสนอประเด็น ปัญหาพนักงานมหาวิทยาลัย ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จ.กรุงเทพฯ
20 เมษายน 2555
เครือข่ายฯ ยื่นจดหมายถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (นายอภิชาติ จีระวุฒิ)
XX เมษายน 2555 (หลังสงกรานต์)
สกอ. เป็นเจ้าภาพเชิญผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ประธานที่ประชุมอธิการบดี ทั้ง 3 แห่ง สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กพอ กกอ กระทรวงศึกษาธิการ และตัวแทนพนักงานมหาวิทยาลัย ประชุมเพื่อหารือแนวทางปฏิบัติหรือเกณฑ์กลางในการบริหารงานบุคคล สำหรับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
1 พฤษภาคม 2555 (วันแรงงาน)
ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 2 /ชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
8 พฤษภาคม 2555
รวมพลังพี่น้องพนักงานฯ ทั่วประเทศ ร่วมยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล จ.กรุงเทพฯ
พฤษภาคม - กันยายน 2555
- เสวนาวิชาการ ครั้งที่ 2 ใน กทม. เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนักถึงสิทธิของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา และให้เรื่องพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นประเด็น "สาธารณะ"
- เสวนาสัญจรตามภาคต่างๆ ที่มีความพร้อม / ยื่นหนังสือร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ
1.กรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ
2.ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา
3.ปปช.
4.กพ.
5.สานักงบประมาณ
6.อื่นๆ
เสวนาวิชาการ สัญจร การระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาระบบพนักงานมหาวิทยาลัย
15 พ.ค. ม.ขอนแก่น
16 พ.ค. มรภ.อุดร ณ ห้องประชุมสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จ.อุดรธานี
18 พ.ค. มทร.อีสาน
30 พ.ค. มรภ.เชียงราย (น่าจะบวกเชียงใหม่ช่วงนี้ด้วย)
6 ก.ค. ม.ธรรมศาสตร์ (ยังไม่คอนเฟิร์ม)
23 ตุลาคม 2555
"ประท้วง" ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า (วิธีสุดท้าย)
ดาวน์โหลดเอกสารแผนงาน PDF
เปรียบเทียบการได้รับเงินเดือนระหว่างข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัย
ขอบคุณภาพประกอบ Patrick Pratjayanin Wong
1. ข้าราชการได้ปรับเงินเดือนตามคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 53 (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553) อาทิเช่น
1.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 7940 เป็น 8700 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 8700*1.5 = 13050)
1.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 9700 เป็น 12000 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 12000*1.7 = 20400)
1.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 13110 เป็น 16200 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 16200*1.7 = 27540)
*หมายเหตุ
1. ทั้งนี้อัตราในการจ่ายเงินเดือนแรกบรรจุของพนักงานมหาวิทยาลัยขึ้นอยู่กับว่าสภามหาวิทยาลัยของแต่ละที่จะจ่ายอย่างไร ซึ่งแต่ละ ม. ไม่เหมือนกัน อีกทั้งบาง ม. ได้ปรับแล้ว และบาง ม. ยังไม่ได้ปรับ
2. มีการปรับชดเชยสำหรับผู้ที่บรรจุก่อนวันที่ 1 ต.ค. 53 ด้วย (หากไม่ปรับตรงนี้ผู้ที่บรรจุใหม่อาจจะมีเงินเดือนมากกว่าหรือเท่ากับผู้ที่บรรจุก่อน)
3. หากข้าราชการที่มีเงินเดือนไม่ถึง 11700 จะได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มอีก 1500 แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนแล้วจะต้องไม่เกิน 11700 แต่ถ้าเงินเดือนรวมเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว 1500 แล้วไม่ถึง 8200 ก็ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวอีกจนถึง 8200 (ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551
2. ข้าราชการได้ปรับ 5% ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 53 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 54 หลักการคิดคือเอาเงินเดือนที่ได้รับก่อนวันที่ 1 เม.ย. 54 คุณด้วย 5% บวกเงินเดือนที่ได้รับก่อนวันที่ 1 เม.ย. 54 แล้วปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มสิบ เช่น เงินเดือนที่ได้รับก่อนวันที่ 1 เม.ย. 54 เป็น 9530 วิธีคำนวณ คือ (9530*5%)+9530 = 10006.50 ปัดเป็นจำนวนเต็มสิบจะเท่ากับ 10010 ซึ่งมีผลทำให้มีการปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการใหม่ (เงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วย เงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการ พ.ศ. 2554 และตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 9 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554) เช่น
2.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 8700 เป็น 9140 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 9140*1.5 = 13710)
2.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 12000 เป็น 12600 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 12600*1.7 = 21420)
2.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 16200 เป็น 17010 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 17010*1.7 = 28920)
*หมายเหตุ สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยจะปรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภามหาวิทยาลัย ซึ่งบาง ม. ได้ปรับแล้ว และบาง ม. ยังไม่ได้ปรับ
3. ข้าราชการได้ปรับเงินเดือนตามคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง (อีกครั้ง) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555) อาทิเช่น
3.1 วุฒิปริญญาตรี ปรับจาก 9140 เป็น 11680 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 11680*1.5 = 17520)
3.2 วุฒิปริญญาโท ปรับจาก 12600 เป็น 15300 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 15300*1.7 = 26010)
3.3 วุฒิปริญญาเอก ปรับจาก 17010 เป็น 19000 (พนักงานมหาวิทยาลัยควรเป็น 19000*1.7 = 32300)
*หมายเหตุ การจะปรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าสภามหาวิทยาลัย
4. ข้าราชการได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว โดยมีการปรับเกณฑ์ขั้นต่ำขั้นสูงของผู้ที่จะได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเป็น 2 ช่วงระยะเวลา (ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2551) ดังนี้
4.1 การได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 54 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ดังนี้
ผู้ที่ได้รับเงินเดือนไม่ถึง 12285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มอีก 1500 บาท แต่เมื่อเงินเดือนรวมกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวจะต้องไม่เกิน 12285 บาท
เมื่อได้รับตามวรรคหนึ่งแล้วไม่ถึง 8610 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวอีกจนถึง 8610 บาท
4.2 การได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 เป็นต้นไป
ในกรณีที่ตำแหน่งของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว(เงินงบประมาณ) ที่คณะกรรมการบริหารงานบุคคลกลางของข้าราชการแต่ละประเภทกำหนด หรือที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้กำหนดให้คุณสมบัติเฉพาะสำ หรับตำแหน่งนั้นต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งบรรจุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 15000 ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนหรือค่าจ้างอีกจนถึงเดือนละ 15000
ในกรณีที่ตำแหน่งของข้าราชการและลูกจ้างประจำที่คณะกรรมการบริหารงานบุคคลกลางของข้าราชการแต่ละประเภทกำหนด หรือที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้กำหนดให้คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้นต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำซึ่งบรรจุหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่ถึงเดือนละ 12285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ 1500 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ12285 บาท
สุดท้าย ลองเปรียบเทียบดูนะคะว่ามันเป็นไปตามมติ ครม. ปี 2542 หรือไม่ สำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย
ที่มาhttp://www.facebook.com/groups/121922094502682/permalink/413053542056201/
วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555
(ร่าง)ข้อตกลงเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2555
ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๑ ได้บัญญัติเพื่อรับรองการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภาสถาบันอุดมศึกษา ทำให้เกิดแนวทางในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาแตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา จึงได้มีการรวมกลุ่มกันขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” และได้มีการประชุมเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการและผู้ประสานงานของแต่ละสถาบัน เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของเครือข่ายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ จึงได้วางข้อตกลงไว้ดังนี้
ข้อ ๑. ข้อตกลงนี้เรียกว่า “ข้อตกลง ว่าด้วย เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๕๑”
ข้อ ๒. ข้อตกลงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓. ในข้อตกลงนี้
“เครือข่าย” หมายความว่า เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า พนักงานในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งที่เป็นส่วนราชการและเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
ข้อ ๔. เครื่องหมายของเครือข่าย เป็นรูปสัญลักษณ์ตัวแทนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ๘ สี จับมือสัมพันธ์กันเป็นรูปวงกลม และมีข้อความปรากฏในวงกลม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ปรากฏตามรูปแบบเครื่องหมายด้านล่าง
ข้อ ๕. สำนักงานของเครือข่าย ให้เป็นไปตามที่ประธานกรรมการกำหนด และให้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของเฟสบุ๊ค (facebook) ชื่อ “เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย” เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงาน
ข้อ ๖. ให้ประธานกรรมการรักษาการให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้
หมวด ๑
วัตถุประสงค์
ข้อ ๗. เครือข่ายมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(๑) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๒) เพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาต่อผู้บริหาร
(๓) เพื่อส่งเสริมมิตรภาพ ความสามัคคี ผดุงเกียรติและศักดิ์ศรีของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
หมวด ๒
สิทธิและหน้าที่
ข้อ ๘. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษามีสิทธิและหน้าที่ ดังนี้
(๑) มีสิทธิใช้หรือประดับเครื่องหมายของเครือข่าย
(๒) มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของเครือข่ายต่อคณะกรรมการ
(๓) มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและลงคะแนนเสียงตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้ หรือในระเบียบ ที่คณะกรรมการกำหนด
(๔) มีสิทธิเป็นคณะกรรมการ
(๕) มีสิทธิเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่คณะกรรมการจัดให้มีขึ้น
(๖) มีหน้าที่ปฏิบัติตามข้อตกลง ระเบียบ หรือประกาศต่างๆ ของเครือข่ายโดยเคร่งครัด
(๗) มีหน้าที่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๘) มีหน้าที่เผยแพร่ชื่อเสียงของเครือข่ายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
(๙) มีสิทธิและหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด ๓
การดำเนินงานของเครือข่าย
ข้อ ๙. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่ดำเนินงานของเครือข่าย ประกอบด้วย
(๑) ประธานกรรมการ
(๒) รองประธานกรรมการ
(๓) เลขานุการ
(๔) เหรัญญิก
(๕) นายทะเบียนและประชาสัมพันธ์
(๗) ฝ่ายกฎหมาย
(๘) กรรมการและผู้ประสานงานแต่ละสถาบัน
ข้อ ๑๐. ให้ที่ประชุมเครือข่ายประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้งประธานเครือข่าย พร้อมจัดการเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งประธานเครือข่าย
เมื่อเลือกตั้งได้ประธานเครือข่ายแล้ว ให้ประธานเครือข่ายเป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
ข้อ ๑๑. ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามข้อ ๙ โดยให้แต่งตั้งจากพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ตามความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินงานของเครือข่าย และเป็นผู้ประกาศแต่งตั้ง
ข้อ ๑๒. คณะกรรมการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๑ ปีนับแต่วันที่มีประกาศแต่งตั้ง และในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่งให้กรรมการอื่นๆ พ้นจากตำแหน่งด้วย
คณะกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับเลือกตั้งหรือได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้
ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น และให้กรรมการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ข้อ ๑๓. ในกรณีที่คณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบวาระแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ให้คณะกรรมการที่ครบวาระนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่
ข้อ ๑๔. นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) พ้นจากการเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๔) ที่ประชุมเครือข่ายมีมติให้ออก
ข้อ ๑๕. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) ดำเนินงานของเครือข่ายให้เป็นไปตามข้อตกลงและวัตถุประสงค์ของเครือข่าย
(๒) วางระเบียบ หรือออกประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่าย
(๓) แต่งตั้งบุคคล หรือคณะบุคคล เพื่อเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นคณะทำงาน หรือคณะอนุกรรมการ อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคระกรรมการที่แต่งตั้ง
(๔) เรียกประชุมพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๕) หน้าที่อื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้
ข้อ ๑๖. ให้คณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่ายและพบปะกันระหว่างพนักงาน อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
ในการประชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการ
การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากในที่ประชุม โดยกรรมการ ๑ คน มี ๑ เสียงในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีก ๑ เสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ในการประชุมต้องมีรายงานการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้ามีความเห็นแย้งให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้งเหตุผลไว้ในรายงานการประชุม และถ้ากรรมการฝ่ายข้างน้อยเสนอความเห็นแย้งเป็นหนังสือ ก็ให้บันทึกความเห็นแย้งนั้นไว้ด้วย
หมวด ๔
การเงินและบัญชี
ข้อ ๑๗. การเงิน บัญชี และทรัพย์สิน ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และให้นำฝากไว้ ในธนาคาร หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ ในนาม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา”
ข้อ ๑๘. การเบิกถอนเงินให้ประธานกรรมการหรือผู้ทำการแทน ลงลายมือชื่อร่วมกับเหรัญญิกหรือเลขานุการ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๙. ให้ประธานกรรมการมีอำนาจเบิกถอนเงินของเครือข่ายได้ไม่เกินครั้งละ ๓๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นบาทถ้วน) กรณีเกินกว่า ๓๐,๐๐๐ (สามหมื่นบาทถ้วน) ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน
ข้อ ๒๐. เหรัญญิกมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) เบิกจ่ายเงินและดูแลรักษาเงินของเครือข่ายให้อยู่ในสภาพปลอดภัยและจัดการด้านการเงินของเครือข่าย ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้และตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๒) จัดทำบัญชีและรายงานฐานะทางการเงินของเครือข่าย เสนอต่อคณะกรรมการตามกำหนดเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
(๓) จัดทำหลักฐานการรับ-จ่ายเงินเป็นลายลักษณ์อักษรโดยต้องมีลายมือชื่อผู้รับผิดชอบ ลงนามไว้ด้วย
(๔) หน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
หมวด ๕
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง
ข้อ ๒๑. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย และให้มีผลใช้บังคับทันที
หมวด ๖
การเลิกเครือข่าย
ข้อ ๒๒. การเลิกเครือข่าย ให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย
ข้อ ๒๓. เมื่อเครือข่ายต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของเครือข่ายที่เหลืออยู่หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้บริจาคให้องค์กรสาธารณะตามมติที่ประชุมเครือข่าย
หมวด ๗
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๒๔. ให้ประธานเครือข่ายคนปัจจุบัน ทำหน้าที่ประธานกรรมการตามข้อตกลงนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ ๑๑ โดยให้ดำเนินการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ข้อ ๒๕. ให้กิจกรรมหรือการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ก่อนข้อตกลงนี้ใช้บังคับ เป็นกิจกรรมหรือการดำเนินการตามข้อตกลงนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕
(รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สุมิตร สุวรรณ)
ประธานเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
ข้อ ๑. ข้อตกลงนี้เรียกว่า “ข้อตกลง ว่าด้วย เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๕๑”
ข้อ ๒. ข้อตกลงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓. ในข้อตกลงนี้
“เครือข่าย” หมายความว่า เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
“พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” หมายความว่า พนักงานในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งที่เป็นส่วนราชการและเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
ข้อ ๔. เครื่องหมายของเครือข่าย เป็นรูปสัญลักษณ์ตัวแทนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ๘ สี จับมือสัมพันธ์กันเป็นรูปวงกลม และมีข้อความปรากฏในวงกลม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ปรากฏตามรูปแบบเครื่องหมายด้านล่าง
ข้อ ๕. สำนักงานของเครือข่าย ให้เป็นไปตามที่ประธานกรรมการกำหนด และให้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของเฟสบุ๊ค (facebook) ชื่อ “เครือข่ายพนักงานมหาวิทยาลัย” เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงาน
ข้อ ๖. ให้ประธานกรรมการรักษาการให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้
หมวด ๑
วัตถุประสงค์
ข้อ ๗. เครือข่ายมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(๑) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๒) เพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาต่อผู้บริหาร
(๓) เพื่อส่งเสริมมิตรภาพ ความสามัคคี ผดุงเกียรติและศักดิ์ศรีของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
หมวด ๒
สิทธิและหน้าที่
ข้อ ๘. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษามีสิทธิและหน้าที่ ดังนี้
(๑) มีสิทธิใช้หรือประดับเครื่องหมายของเครือข่าย
(๒) มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของเครือข่ายต่อคณะกรรมการ
(๓) มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและลงคะแนนเสียงตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้ หรือในระเบียบ ที่คณะกรรมการกำหนด
(๔) มีสิทธิเป็นคณะกรรมการ
(๕) มีสิทธิเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่คณะกรรมการจัดให้มีขึ้น
(๖) มีหน้าที่ปฏิบัติตามข้อตกลง ระเบียบ หรือประกาศต่างๆ ของเครือข่ายโดยเคร่งครัด
(๗) มีหน้าที่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๘) มีหน้าที่เผยแพร่ชื่อเสียงของเครือข่ายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
(๙) มีสิทธิและหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด ๓
การดำเนินงานของเครือข่าย
ข้อ ๙. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่ดำเนินงานของเครือข่าย ประกอบด้วย
(๑) ประธานกรรมการ
(๒) รองประธานกรรมการ
(๓) เลขานุการ
(๔) เหรัญญิก
(๕) นายทะเบียนและประชาสัมพันธ์
(๗) ฝ่ายกฎหมาย
(๘) กรรมการและผู้ประสานงานแต่ละสถาบัน
ข้อ ๑๐. ให้ที่ประชุมเครือข่ายประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลือกตั้งประธานเครือข่าย พร้อมจัดการเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งประธานเครือข่าย
เมื่อเลือกตั้งได้ประธานเครือข่ายแล้ว ให้ประธานเครือข่ายเป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
ข้อ ๑๑. ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามข้อ ๙ โดยให้แต่งตั้งจากพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ตามความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินงานของเครือข่าย และเป็นผู้ประกาศแต่งตั้ง
ข้อ ๑๒. คณะกรรมการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๑ ปีนับแต่วันที่มีประกาศแต่งตั้ง และในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่งให้กรรมการอื่นๆ พ้นจากตำแหน่งด้วย
คณะกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ อาจได้รับเลือกตั้งหรือได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้
ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น และให้กรรมการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ข้อ ๑๓. ในกรณีที่คณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบวาระแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ให้คณะกรรมการที่ครบวาระนั้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่
ข้อ ๑๔. นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) พ้นจากการเป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๔) ที่ประชุมเครือข่ายมีมติให้ออก
ข้อ ๑๕. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) ดำเนินงานของเครือข่ายให้เป็นไปตามข้อตกลงและวัตถุประสงค์ของเครือข่าย
(๒) วางระเบียบ หรือออกประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่าย
(๓) แต่งตั้งบุคคล หรือคณะบุคคล เพื่อเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นคณะทำงาน หรือคณะอนุกรรมการ อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคระกรรมการที่แต่งตั้ง
(๔) เรียกประชุมพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
(๕) หน้าที่อื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้
ข้อ ๑๖. ให้คณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของเครือข่ายและพบปะกันระหว่างพนักงาน อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
ในการประชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในการประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการ
การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมากในที่ประชุม โดยกรรมการ ๑ คน มี ๑ เสียงในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีก ๑ เสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ในการประชุมต้องมีรายงานการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้ามีความเห็นแย้งให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้งเหตุผลไว้ในรายงานการประชุม และถ้ากรรมการฝ่ายข้างน้อยเสนอความเห็นแย้งเป็นหนังสือ ก็ให้บันทึกความเห็นแย้งนั้นไว้ด้วย
หมวด ๔
การเงินและบัญชี
ข้อ ๑๗. การเงิน บัญชี และทรัพย์สิน ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และให้นำฝากไว้ ในธนาคาร หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ ในนาม “เครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา”
ข้อ ๑๘. การเบิกถอนเงินให้ประธานกรรมการหรือผู้ทำการแทน ลงลายมือชื่อร่วมกับเหรัญญิกหรือเลขานุการ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๙. ให้ประธานกรรมการมีอำนาจเบิกถอนเงินของเครือข่ายได้ไม่เกินครั้งละ ๓๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นบาทถ้วน) กรณีเกินกว่า ๓๐,๐๐๐ (สามหมื่นบาทถ้วน) ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน
ข้อ ๒๐. เหรัญญิกมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) เบิกจ่ายเงินและดูแลรักษาเงินของเครือข่ายให้อยู่ในสภาพปลอดภัยและจัดการด้านการเงินของเครือข่าย ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้และตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๒) จัดทำบัญชีและรายงานฐานะทางการเงินของเครือข่าย เสนอต่อคณะกรรมการตามกำหนดเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
(๓) จัดทำหลักฐานการรับ-จ่ายเงินเป็นลายลักษณ์อักษรโดยต้องมีลายมือชื่อผู้รับผิดชอบ ลงนามไว้ด้วย
(๔) หน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
หมวด ๕
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง
ข้อ ๒๑. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลง จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย และให้มีผลใช้บังคับทันที
หมวด ๖
การเลิกเครือข่าย
ข้อ ๒๒. การเลิกเครือข่าย ให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเครือข่าย
ข้อ ๒๓. เมื่อเครือข่ายต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของเครือข่ายที่เหลืออยู่หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้บริจาคให้องค์กรสาธารณะตามมติที่ประชุมเครือข่าย
หมวด ๗
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๒๔. ให้ประธานเครือข่ายคนปัจจุบัน ทำหน้าที่ประธานกรรมการตามข้อตกลงนี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ ๑๑ โดยให้ดำเนินการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ข้อ ๒๕. ให้กิจกรรมหรือการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ก่อนข้อตกลงนี้ใช้บังคับ เป็นกิจกรรมหรือการดำเนินการตามข้อตกลงนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๕
(รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สุมิตร สุวรรณ)
ประธานเครือข่ายพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555
ข้อเสนอสำหรับการบริหารงานบุคคล สำหรับพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา
1. เร่งรัดติดตามให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ในอัตรา 1.5 - 1.7 เท่าของเงินเดือนข้าราชการแรกบรรจุ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555
1) วุฒิปริญญาตรี 11,680x1.5/1.7 = 17,520/19,856 บาท
2) วุฒิปริญญาโท 15,300x1.5/1.7 = 22,950/26,010 บาท
3) วุฒิปริญญาเอก 19,000x1.5/1.7 = 28,500/32,300 บาท
2. เร่งรัดติดตามให้สถาบันต่างๆ ปรับค่าจ้าง ร้อยละ 5 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายาน 2554
3. เสนอของบประมาณจากรัฐบาล เพื่อปรับค่าจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ทั้งระบบให้สอดคล้องกับข้อ 1
4. กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ติดตามและกำดูแลให้ทุกมหาวิทยาลัยจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร หากจำเป็นต้องตัดไว้ส่วนหนึ่งสำหรับจัดสวัสดิการควรดำเนินเหมือนกันทุกมหาวิทยาลัย
5. กำหนดสวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ ของ “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” โดยต้องไม่น้อยกว่าของระบบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยที่เคยได้รับ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบ ได้แก่
1) การรักษาพยาบาลตนเอง บิดามารดา คู่สมรสและบุตร โดยการยกเลิก “ระบบประกันสังคม” และจัดการสวัสดิการเอง เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม การประกันชีวิต ตั้งกองทุน
2) การตรวจสุขภาพประจำปี
3) การลาศึกษา
4) เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการ อีก 1 เท่า
5) เงินตอบแทนพิเศษประจำปี (โบนัส)
6) การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
7) เครื่องราชอิสริยาภรณ์
6. กำหนดสัญญาจ้างระหว่างทดลองงาน 1 ปี ส่วนสัญญาต่อไปตลอดชีพ แต่สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้หากไม่ผ่านการประเมิน โดยกำหนดให้มีระบบและกลไก “การประเมิน” ที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงและประสิทธิภาพในการทำงาน
7. จัดให้มี “สภาพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายลูกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะในการจ้างและการเลิกจ้าง
8. ปรับลูกจ้างชั่วคราวและอาจารย์อัตราจ้าง ให้เป็น “พนักงานมหาวิทยาลัยเงินรายได้”
9. จัดตั้งคณะทำงานโดยมีตัวแทนจากพนักงาน เพื่อแก้ พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 เป็น “พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.......”
10. หากไม่สามารถดำเนินการได้ขอเปลี่ยนสถานภาพกลับเป็น “ข้าราชการ”
ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/410257572335798/
1) วุฒิปริญญาตรี 11,680x1.5/1.7 = 17,520/19,856 บาท
2) วุฒิปริญญาโท 15,300x1.5/1.7 = 22,950/26,010 บาท
3) วุฒิปริญญาเอก 19,000x1.5/1.7 = 28,500/32,300 บาท
2. เร่งรัดติดตามให้สถาบันต่างๆ ปรับค่าจ้าง ร้อยละ 5 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายาน 2554
3. เสนอของบประมาณจากรัฐบาล เพื่อปรับค่าจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ทั้งระบบให้สอดคล้องกับข้อ 1
4. กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ติดตามและกำดูแลให้ทุกมหาวิทยาลัยจ้าง “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร หากจำเป็นต้องตัดไว้ส่วนหนึ่งสำหรับจัดสวัสดิการควรดำเนินเหมือนกันทุกมหาวิทยาลัย
5. กำหนดสวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ ของ “พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” โดยต้องไม่น้อยกว่าของระบบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยที่เคยได้รับ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบ ได้แก่
1) การรักษาพยาบาลตนเอง บิดามารดา คู่สมรสและบุตร โดยการยกเลิก “ระบบประกันสังคม” และจัดการสวัสดิการเอง เช่น การประกันสุขภาพกลุ่ม การประกันชีวิต ตั้งกองทุน
2) การตรวจสุขภาพประจำปี
3) การลาศึกษา
4) เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการ อีก 1 เท่า
5) เงินตอบแทนพิเศษประจำปี (โบนัส)
6) การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
7) เครื่องราชอิสริยาภรณ์
6. กำหนดสัญญาจ้างระหว่างทดลองงาน 1 ปี ส่วนสัญญาต่อไปตลอดชีพ แต่สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้หากไม่ผ่านการประเมิน โดยกำหนดให้มีระบบและกลไก “การประเมิน” ที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงและประสิทธิภาพในการทำงาน
7. จัดให้มี “สภาพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา” ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายลูกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลของพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะในการจ้างและการเลิกจ้าง
8. ปรับลูกจ้างชั่วคราวและอาจารย์อัตราจ้าง ให้เป็น “พนักงานมหาวิทยาลัยเงินรายได้”
9. จัดตั้งคณะทำงานโดยมีตัวแทนจากพนักงาน เพื่อแก้ พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 เป็น “พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.......”
10. หากไม่สามารถดำเนินการได้ขอเปลี่ยนสถานภาพกลับเป็น “ข้าราชการ”
ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/410257572335798/
อัตราเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาที่ ก.พ. กำหนด
เริ่มต้นจากการที่ มหาวิทยาลัย จ้างพนักงานด้วยอัตราเงินเดือนที่อิงจาก ก.พ. (ดังปรากฎในเอกสารคู่มือพนักงาน ข้อ ๑.๑
ผมขออนุญาตรีวิว ที่มาที่ไปดังนี้
๑. กำหนดอัตราเงินเดือนแบบช่วงตามคุณวุฒิ ที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งผู้เข้ารับราชการตามประเภทและระดับตำแหน่ง และให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ดังนี้
๑.๑ การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ (ห้า-สี่) ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรราใหม่
ก. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๔ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๗,๙๔๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๘,๙๗๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๒๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๕๗๐ บาท
ข. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๕ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๙,๔๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๙,๗๕๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๐๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๔๑๐ บาท
ค. คุณวุฒิ ปริญญาโท (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๙,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๒,๐๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๓๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๗๒๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๓,๒๐๐ บาท
ง. คุณวุฒิ ปริญญาเอก (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๑๓,๑๑๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๖,๒๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๖,๖๙๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้่งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๑๘๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๑๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๘๒๐ บาท
อ้างอิงจาก : http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf
ต่อมา ก.พ. โดยมติคณะรัฐมตรีให้ปรับเงินเพิ่มจากฐานเงินเดือนข้างต้น อีก ร้อยละ ๕ (หนังสือที่ นร ๑๐๐๘.๑ / ว ๘ ด่วนทีสุด เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ลงวันที่ ๒๘ เม.ย. ๒๕๕๔) ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔
ต่อมา ได้มีมติให้ปรับเงินเพิ่มขึ้นอีก ด้วยอัตราคูณ ๑.๓ (สายสนับสนุน) และ ๑.๕ (สายวิชาการ)
รวมแล้ว ได้มีการปรับเงินเดือนตามกฎหมายมาแล้ว ถึง ๓ ครั้ง โดยครั้งนี้อยู่ในระยะที่ ๓ (ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔)
ถ้าเราลองคำนวณเงินที่ปรับดูแล้ว จะได้ดังนี้
ปริญญาโท (สายสนับสนุน)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๖,๓๘๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
ปริญญาโท (สายวิชาการ)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๕ เท่ากับ ๑๘,๙๐๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
ปริญญาตรี ๔ ปี
อัตราเงินเดือนฐาน ๗,๙๔๐ บาท ปรับเป็น ๘,๗๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๗๖๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๘,๗๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๔๓๕ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๙,๑๓๕ บาท
๙,๑๓๕ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๑,๘๗๕.๕๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
หมายเหตุ - กรณีปรับเงินขึ้นแล้ว เศษไม่ถึง ๑๐ บาท ให้ปรับเป็น ๑๐ บาท เช่น ป.ตรี ๙,๑๓๕ ก็ปรับเป็น ๙,๑๔๐ บาท)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ส่วนอ้างอิง
๑. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ มีผลให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา
คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๗,๙๔๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาโท ๙,๗๐๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาเอก ๑๓,๑๑๐ บาท
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000374.pdf)
๒. การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๓ อัตราเงินเดือนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ (ระยะที่ ๑) และมีผลต่อการปรับอัตราเงินเดือนไปอีก ๓ ระยะ คือ
ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔
ระยะที่ ๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
ระยะที่ ๔ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
** โดยเป็นอัตราฐานเงินเดือนที่ จะถูกนำไปปรับเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
เอกสารบังคับแนบ
ก. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
ข. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๗๙ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๓
ค. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๙๙-๒๐๐ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๓
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf)
๓. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๑/ว ๘ เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ให้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔
เอกสารบังคับแนบ
ก. พระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000600.pdf)
ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/285842758110614/
ผมขออนุญาตรีวิว ที่มาที่ไปดังนี้
๑. กำหนดอัตราเงินเดือนแบบช่วงตามคุณวุฒิ ที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งผู้เข้ารับราชการตามประเภทและระดับตำแหน่ง และให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ ดังนี้
๑.๑ การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ (ห้า-สี่) ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรราใหม่
ก. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๔ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๗,๙๔๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๘,๙๗๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๒๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๘,๗๐๐ - ๙,๕๗๐ บาท
ข. คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๕ ปี (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๘,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๙,๔๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๙,๗๕๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๐๓๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๙,๔๖๐ - ๑๐,๔๑๐ บาท
ค. คุณวุฒิ ปริญญาโท (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๙,๗๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๒,๐๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๓๖๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๗๒๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๒,๐๐๐ - ๑๓,๒๐๐ บาท
ง. คุณวุฒิ ปริญญาเอก (ในประเทศ)
อัตราเงินเดือนเดิม (ก่อน ๑ ต.ค. ๒๕๕๓) ฐานเงินเดือน ๑๓,๑๑๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๑) ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป เริ่ม ๑๖,๒๐๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๒) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๖,๖๙๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๓) ใช้บังคับตั้่งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔ เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๑๘๐ บาท
อัตราเงินเดือนปรับ (๔) ใช้บังคับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๑๕๕๕ (ห้า-ห้า) เริ่ม ๑๖,๒๐๐ - ๑๗,๘๒๐ บาท
อ้างอิงจาก : http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf
ต่อมา ก.พ. โดยมติคณะรัฐมตรีให้ปรับเงินเพิ่มจากฐานเงินเดือนข้างต้น อีก ร้อยละ ๕ (หนังสือที่ นร ๑๐๐๘.๑ / ว ๘ ด่วนทีสุด เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ลงวันที่ ๒๘ เม.ย. ๒๕๕๔) ประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔
ต่อมา ได้มีมติให้ปรับเงินเพิ่มขึ้นอีก ด้วยอัตราคูณ ๑.๓ (สายสนับสนุน) และ ๑.๕ (สายวิชาการ)
รวมแล้ว ได้มีการปรับเงินเดือนตามกฎหมายมาแล้ว ถึง ๓ ครั้ง โดยครั้งนี้อยู่ในระยะที่ ๓ (ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๕๔)
ถ้าเราลองคำนวณเงินที่ปรับดูแล้ว จะได้ดังนี้
ปริญญาโท (สายสนับสนุน)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๖,๓๘๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
ปริญญาโท (สายวิชาการ)
อัตราเงินเดือนฐาน ๙,๗๐๐ บาท ปรับเป็น ๑๒,๐๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๒,๓๐๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๑๒,๐๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๖๐๐ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๑๒,๖๐๐ บาท
๑๒,๖๐๐ บาท คูณ ๑.๕ เท่ากับ ๑๘,๙๐๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
ปริญญาตรี ๔ ปี
อัตราเงินเดือนฐาน ๗,๙๔๐ บาท ปรับเป็น ๘,๗๐๐ ส่วนต่างเพิ่ม คือ ๗๖๐ บาท (หายไปต่อเดือน)
๘,๗๐๐ ปรับเพิ่ม ๕% เท่ากับ ๔๓๕ บาท ต่อเดือน รวมรับ ๙,๑๓๕ บาท
๙,๑๓๕ บาท คูณ ๑.๓ เท่ากับ ๑๑,๘๗๕.๕๐ ต่อเดือน (ซึ่งควรได้รับในปัจจุบัน)
หมายเหตุ - กรณีปรับเงินขึ้นแล้ว เศษไม่ถึง ๑๐ บาท ให้ปรับเป็น ๑๐ บาท เช่น ป.ตรี ๙,๑๓๕ ก็ปรับเป็น ๙,๑๔๐ บาท)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ส่วนอ้างอิง
๑. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ มีผลให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา
คุณวุฒิ ปริญญาตรี ๗,๙๔๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาโท ๙,๗๐๐ บาท
คุณวุฒิ ปริญญาเอก ๑๓,๑๑๐ บาท
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000374.pdf)
๒. การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๓ อัตราเงินเดือนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ (ระยะที่ ๑) และมีผลต่อการปรับอัตราเงินเดือนไปอีก ๓ ระยะ คือ
ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔
ระยะที่ ๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
ระยะที่ ๔ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
** โดยเป็นอัตราฐานเงินเดือนที่ จะถูกนำไปปรับเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
เอกสารบังคับแนบ
ก. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๓/ว ๑๔ เรื่อง การรับรองคุณวุฒิพร้อมด้วยอัตราเงินเดือน ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
ข. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๗๙ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๓
ค. หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๔.๓/๑๙๙-๒๐๐ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๓
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000537.pdf)
๓. หนังสือ ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๑/ว ๘ เรื่อง การปรับเงินเดือนเข้าสู่บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ ให้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔
เอกสารบังคับแนบ
ก. พระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
(http://www.ocsc.go.th/ocsccms/uploads/circular/ccl0000600.pdf)
ที่มา http://www.facebook.com/groups/121922094502682/doc/285842758110614/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)